บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติและผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานทดแทนประเภทพลังงานชีวภาพแบบครบวงจรรายใหญ่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)

   กลุ่มบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำในการผลิตวัตถุดิบยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบที่ยั่งยืน “Sustainable Material” ในระดับประเทศ มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)  มีการผลิตพลังงานทดแทนเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต และการนำกากของเสียมาหมุนเวียนใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้สินค้าของกลุ่มบริษัทฯ จัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Product)

ธุรกิจของ TEGH แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ
2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ
3.ธุรกิจด้านผลิตพลังงานทดแทนและการบริหารจัดการกากอินทรีย์
และธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจร่วมทุน และธุรกิจโลจิสติกส์

natural rubber
ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ

   กลุ่มบริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติให้แก่ผู้ผลิตสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของกลุ่มบริษัทฯ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ยางแท่ง (Block rubber) และน้ำยางข้น (Concentrated latex)

รายละเอียด
palm oil
ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม

   กลุ่มบริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบให้แก่ผู้ผลิตสินค้าในประเทศเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า โดยผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันของกลุ่มบริษัทฯ สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่ น้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil) เมล็ดในปาล์ม (Kernel) น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) และกากเมล็ดในปาล์ม (Kernel Cake)

รายละเอียด
renewable enegry and
organic waste management
ธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์

   กลุ่มบริษัทฯ รับบริหารจัดการกากอินทรีย์ทั้งประเภทของแข็ง (Solid Organic Waste) และของเหลว (Liquid Organic Waste) โดยนำมาจัดการด้วยวิธีการที่ถูกต้องได้มาตรฐาน เพื่อผลิตเป็นก๊าชชีวภาพ (Biogas) และไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ เกิดเป็นระบบเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

รายละเอียด
logistics
ธุรกิจโลจิสติกส์

   บริการรถขนส่งวัตถุดิบจากจุดรับซื้อที่กระจายตัวครอบคลุมพื้นที่ทั้งภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

รายละเอียด
JOINT VENTURE

ธุรกิจร่วมทุน

   กลุ่มบริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการมี “หุ้นส่วนทางธุรกิจ” ที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพ
เพราะถือเป็นอีกฟันเฟืองสำคัญที่จะต่อยอดสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นบริษัทฯจึงได้ยึดมั่นในแนวคิดการยกระดับ
ความร่วมมือจาก “ลูกค้า” สู่ “หุ้นส่วนทางธุรกิจ” เพื่อผนึกกำลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ

รายละเอียด

   กลุ่มบริษัทฯ ก่อตั้งโดย คุณสมชาย โกกนุทาภรณ์ ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้บุกเบิกและส่งเสริมการปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดชลบุรี   คุณสมชายได้เล็งเห็นว่า ยางพาราและปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศที่มีการปลูกมากในภาคใต้ในขณะนั้น จึงได้เริ่มศึกษาและทดลองปลูกต้นยางพาราและปาล์มน้ำมันในอำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี และต่อมาเมื่อปาล์มน้ำมันเริ่มออกผลผลิต จึงได้ก่อตั้งบริษัท อีสเทิร์น ปาล์ม ออยล์ จำกัด (EPO) ขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ โดย EPO ถือเป็นโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบแห่งแรกในภาคตะวันออกที่ดำเนินการอยู่ ณ ปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าหลักในปัจจุบัน คือ อุตสาหกรรมน้ำมันพืชเพื่อการบริโภค อุตสาหกรรมไบโอดีเซล และอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์

   หลังจากนั้น กลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติขั้นกลาง ซึ่งปัจจุบันเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ โดยได้ก่อตั้ง บริษัท ไทยอีสเทิร์น รับเบอร์ จำกัด (TER) ขึ้นเพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยางข้น ต่อมาได้ก่อตั้ง บริษัท อี.คิว.รับเบอร์ จำกัด (EQR) และ บริษัท ไทยอีสเทิร์น อินโนเวชั่น จำกัด (TEI) ขึ้น ตามลำดับ เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแท่งมาตรฐานอุตสาหกรรมและยางแท่งเกรดพรีเมียม โดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ชั้นนำระดับโลก เช่น Michelin Bridgestone Goodyear Sumitomo Pirelli Continental Apollo Prometeon Yokohama Hankook Nexen  Sentury Westlake Kama Deetone Otani Vee Rubber Superstone Prinx Chengshan Kumho และ Zhongce เป็นต้น

   กลุ่มบริษัทฯ ได้ก่อตั้ง บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ขึ้น เพื่อขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมด้านพลังงานทดแทน ภายใต้แนวคิดการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด กลุ่มบริษัทฯ ได้ลงทุนก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพ (Biogas) โดยการนำผลพลอยได้และของเสียจากกระบวนการผลิตยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบของกลุ่มบริษัทฯ มาเป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซชีวภาพ ซึ่งก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้จะถูกนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในกระบวนการอบยางแท่งของกลุ่มบริษัทฯ และนำไปผลิตไฟฟ้าสำหรับจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และใช้ในกระบวนการผลิตภายในกลุ่มบริษัทฯ ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถลดปริมาณของเสียให้เหลือเป็นศูนย์หรือเหลือน้อยที่สุด (Zero Waste)

   ต่อมา กลุ่มบริษัทฯ ได้เริ่มขยายธุรกิจไปสู่การให้บริการบริหารจัดการกากอินทรีย์ โดยนำกากอินทรีย์ไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซชีวภาพ ทำให้สามารถขยายการผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นรูปแบบทางธุรกิจ (Business Model) ที่สำคัญของกลุ่มบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

   กลุ่มบริษัทฯ มีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านชุมชน และสิ่งแวดล้อม ทำให้กลุ่มบริษัทฯ ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนเกิดเป็นความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรทางการค้าที่แข็งแกร่ง เช่น บริษัท ซูมิโตโม รับเบอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทยางล้อชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่ตกลงร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทฯ จัดตั้ง บริษัท ซูมิรับเบอร์ ไทยอีสเทิร์น แพลนเทชั่น จำกัด (STEP) เพื่อทำสวนยางพารา ในจังหวัดหนองบัวลำภู และจัดตั้ง บริษัท ซูมิรับเบอร์ ไทยอีสเทิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (STEC)  ในจังหวัดอุดรธานี เพื่อผลิตและจำหน่ายยางแท่ง และ ร่วมทุนกับบริษัท ไซม์ ดาร์บี้ ออยล์ สิงคโปร์ ลิมิเต็ด จำกัด จัดตั้ง บริษัท ไทยอีสเทิร์น ตราด จำกัด (TET)  ที่จังหวัดตราด เพื่อผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ

   ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯ มีความโดดเด่นในด้านการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ชั้นนำทั่วโลก มีสินค้าหลายประเภทและสามารถปรับปรุงคุณสมบัติสินค้าได้ตามความต้องการของลูกค้า (Customization) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลาย และเพื่อความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาระบบห่วงโซ่คุณค่า(Value Chain)ตั้งแต่เกษตรกร ชุมชน พนักงาน คู่ค้า และลูกค้าของบริษัท เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมกันและก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในการผลิตสินค้าที่มีความยั่งยืน (World Best Sustainable Materials Producer)


Back to Top